วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2563

Sample Teaching method

 
🌷สื่อ Thai Teacher TV 💻🌲



👶เรื่อง สร้างพื้นฐานการการเรียนรู้กับกิจกรรม 5 ประสาทสัมผัส👶

📺โทรทัศน์ครู

             เด็กปฐมวัยเป็นวัยเริ่มต้นของการเรียนรู้ในเรื่องต่างๆครูจึงมีหน้าที่ป้อนความรู้พื้นฐานที่จำเป็นในชีวิตประจำวันเพื่อให้เด็กพร้อมที่จะเรียนในชั้นที่สูงขึ้น อย่างเรื่องของประสาทสัมผัสทั้ง5 ตา หู จมูก ลื้น และกาย ครูเด่นดวงก็ได้นำสิ่งของใกล้ตัวของเด็กมาสอนเด็ก เช่น ได้รู้ว่าการที่เรามองเห็นสิ่งต่างๆและอธิบายได้ว่าของสิ่งนั้นมีลักษณะอย่างไร นั่นคือเราใช้ ตา ในการมองเห็น ซึ่งตาคือ ประสาทสัมผัสอย่างหนึ่งนั้นเอง หรือการนำเอากลิ่นที่เด็กคุ้นเคยมาให้ทดลองดม เมื่อเด็กดมก็จะต้องบอกได้ว่ากลิ่นที่ดมไปคือกลิ่นอะไร เป็นการสอนให้เด็กปฐมวัยได้มีความรู้เรื่อง ประสาทสัมผัสผ่านของจริงใกล้ตัว ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมในการเรียนชั้นสูงต่อไป
 
👪การเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 สำคัญอย่างไร

             สมอง มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับกระบวนการทำงานของระบบประสาท การที่ฝึกให้เด็กใช้ประสาทสัมผัส จะเป็นการกระตุ้นการทำงานชองสมองไปในตัว เพราะเมื่อเด็กใช้ ตา หู จมูก ลิ้น และมือ ในการสังเกต ฟัง ดมกลิ่น สัมผัส และชิมรส สมองจะทำหน้าที่ประมวลสิ่งที่เข้ามาผ่านทางประสาทสัมผัส และเกิดเป็นการเรียนรู้

🍧กิจกรรม
👉เกม รสอะไรเอ่ย ให้เด็กปิดตาชิมผลไม้หรืออาหารปริศนาในกล่อง แล้วทายว่าสิ่งนั้นคืออะไร
👉เกม ทายเสียง เปิดเสียงปริศนาให้เด็กฟัง และให้ทายว่าเสียงที่ฟังเป็นเสียงของอะไร อาจเริ่มต้นง่ายๆ จากเสียงสัตว์
 
👍👍👍👍👍👍👍👍👍👍👍👍👍👍



Article summary







 

🌷สรุปบทความ🌷

เรียบเรียงโดย บรรณาธิการED-TECH

ที่มาและความหมายของ “การจัดประสบการณ์แบบโครงงาน”

      เริ่มจาก John Dewey ได้เสนอแนวคิด “เรียนรู้ด้วยการปฏิบัติ (Learning by doing)” ในหนังสือชื่อ My Pedagogical Creed (1897) โดยเขากล่าวถึงความเชื่อเกี่ยวกับการศึกษาว่า “ครูไม่ใช่ผู้กำหนดความคิดหรือจัดพฤติกรรมแบบหนึ่งแบบใดให้กับเด็ก แต่เป็นสมาชิกของชุมชนที่จะสร้างอิทธิพลที่มีผลให้เด็กช่วยตนเองได้ตอบสนองกลับมาอย่างเหมาะสม ที่จะเกิดการแสดงออกที่สร้างสรรค์ภายในศูนย์การเรียนรู้ที่ถูกต้อง”

การจัดประสบการณ์แบบโครงงานสำหรับเด็กปฐมวัย

 ศิรินาถ บัวคลี่ ผู้เขียนวิทยานิพนธ์เรื่อง “การพัฒนาความสามารถในการคิดแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัยโดยใช้การจัดประสบการณ์แบบโครงงาน” ได้รวบรวมขั้นตอนการจัดกิจกรรมโครงงานที่นักวิชาการต่างๆ ได้กำหนดไว้ แล้วสรุปขั้นตอนวิธีสอนแบบโครงงานเป็น 3 ระยะ ดังนี้

            ะยะที่ 1 เด็กเลือกเรื่องที่สนใจอยากเรียนรู้ด้วยตนเอง เด็กได้เล่าประสบการณ์เดิมเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ เด็กร่วมกันตั้งคำถามในสิ่งที่เด็กอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องนั้น เด็กเลือกคำถามและนำคำถามมาจัดในรูปของแผนภูมิใยแมงมุม (Web)

            ระยะที่ 2 เด็กช่วยกันหาคำตอบเป็นกลุ่มและเป็นรายบุคคล ด้วยการสืบค้นข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เด็กได้วางแผนร่วมกันในการจัดกิจกรรมต่างๆ ดำเนินกิจกรรมตามแผนที่วางไว้โดยครูเป็นผู้สนับสนุนช่วยเหลือในการทำกิจกรรมให้เด็กได้ค้นพบคำตอบ

            ระยะที่ 3 เด็กทบทวนและมีการแลกเปลี่ยนความรู้ไปสู่บุคคลภายนอกด้วยการจัดนิทรรศการผลงานทั้งของกลุ่มและของรายบุคคล และเชิญคุณครู ผู้ปกครอง เพื่อนนักเรียนชั้นอื่น เข้าชมนิทรรศการ เด็กนำเสนอผลงาน ตอบข้อซักถามและสรุปผลโครงงานตั้งแต่เริ่มโครงงานจนจบโครงงาน

ประโยชน์จากการจัดประสบการณ์แบบโครงงานสำหรับเด็กปฐมวัย

การเรียนรู้แบบการลงมือปฏิบัติ เป็นการสอนที่ทำให้ผู้เรียนเกิดพัฒนาการด้านต่างๆ อย่างครบถ้วน ทั้งยังสอดคล้องกับแนวการพัฒนาคนให้มีคุณภาพในศตวรรษที่ 21 กล่าวคือ เยาวชนที่อยู่ในโลกศตวรรษที่ 21 จำเป็นต้องมีทักษะ 3ร. และ 4ก.ดังนี้

ทักษะ 3ร.

            1. รู้อ่านรู้เขียน (Literacy) ไม่เพียงแต่อ่านออกเขียนได้ แต่เมื่อทำโครงงานแล้ว เด็กเข้าใจความหมายของคำต่างๆ สามารถสื่อสารคำเหล่านั้นได้อย่างถูกต้องเหมาะสม

            2. รู้คณิต (Numeracy) ไม่เพียงแต่คิดเลขเป็นเท่านั้น เด็กสามารถนำความรู้เชิงคณิตศาสตร์ เช่น เลขคณิต เรขาคณิต ตรีโกณมิติ ฯลฯ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิตได้ ตัวอย่าง บอกรูปทรงเรขาคณิตได้ เป็นต้น

            3. รู้ ICT (Information and communications technology literacy) เด็กเข้าใจและใช้เทคโนโลยีเพื่อสื่อสารได้

 

        ทักษะ 4ก.

            1. การคิดแบบมีวิจารณญาณ (Critical thinking) เด็กสามารถคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผลได้ ทำให้เข้าใจเนื้อหาวิชาได้อย่างแท้จริง

            2. การสื่อสาร (Communication) เด็กใช้เทคโนโลยีเพื่อสื่อสารได้ รวมทั้งรู้วิธีสื่อสารให้ผู้อื่นเข้าใจในสิ่งที่ตนต้องการสื่อได้

            3. การทำงานร่วมกัน (Collaboration) เด็กทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ เรียนรู้การเป็นผู้นำ เป็นผู้ตาม ตลอดจนการน้อมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้อื่น

            4. การสร้างสรรค์ (Creativity) การทำโครงงานช่วยให้เด็กได้จินตนาการเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ นอกเหนือจากการเรียนจากตำราเพียงอย่างเดียว

สรุป

 ทั้งนี้เด็กปฐมวัยมีความคิดเห็นว่าการจัดประสบการณ์แบบโครงงานทำให้ได้ลงมือปฏิบัติจริง มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน มีปฏิสัมพันธ์กันระหว่างเด็กกับเด็ก และเด็กกับครู

 





Name : Nuntaka Niamsungnoen

Nickname : Aom

Identification Namber : 6011201552

Bechelor's degree : Early Childhood

Faculty of Education : Chandrakasem Rajabhat University

Birthday : 20 June 1998

Domicile : Nakhon Ratchasima

Country : Thailand

E-mail : nuntaka.ni555@hotmail.com

FB : อ้อม นันทกา

วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2563

Research summary

 🙎สรุปวิจัย🌈

ผลการจัดประสบการณ์แบบโครงการที่มีต่อพัฒนาการของพฤติกรรมด้านสังคมของเด็กปฐมวัยและเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษในห้องเรียนร่วม

👩ปริญญานิพนธ์ สุดาพร วิชิตชัยชาคร

การสอนแบบโครงการเป็นการจัดประสบการณ์ที่เปิดโอกาสแห่งการเรียนรู้ (Learning Opportunities) เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้อย่างหลากหลาย ผ่านกิจกรรมของโครงการ โดยครูมี บทบาทยอมรับความคิด การแสดงออกของเด็ก อํานวยความสะดวกและสนับสนุนให้ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นควัาอย่างอิสระซึ่งสอดคล้องกับหลักการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กปฐมวัย โดยเฉพาะการสร้าง เสริมทักษะด้านสังคมซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของพัฒนาการในทุกๆ ด้าน ผู้วิจัยจึงพิจารณานําแนวคิดและ หลักการของการจัดประสบการณ์แบบโครงการมาปรับให้สอดคล้องกับการพัฒนาพฤติกรรมด้านสังคม ของเด็กปฐมวัยปกติและเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษในห้องเรียนร่วมที่มีพัฒนาการและความสามารถ ที่แตกต่างระหว่างบุคคล โดยโครงการที่เด็กเรียนรู้นั้นจะเป็นโครงการที่ดําเนินการภายใต้การช่วยเหลือ แนะนําของครูจากเหตุผล แนวคิด หลักการที่กล่าวมาทั้งหมด ทําให้ผู้วิจัยสนใจที่จะนําวิธีการตามแนว การจัดประสบการณ์แบบโครงการมาใช้เป็นแนวทางในการจัดประสบการณ์เพื่อส่งเสริมพัฒนาการของพฤติกรรมด้านสังคมของเด็กปฐมวัยปกติและเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษในห้องเรียนร่วมที่มี ความสามารถและศักยภาพที่แตกต่างกัน